หน้าหนาวมาเยือนแล้ว...ผิวแห้งจังเลย สาวๆ คงหน้าลอก หน้าแห้ง กันเป็นแถบๆ วันนี้มีวิธีแก้ปัญหาสำหรับสาวหน้าแห้ง สาวหน้าแห้งได้เปรียบตรงที่หน้าจะไม่ค่อยมันเท่าไร แต่เสียเปรียบตรงที่หน้าจะมีริ้วรอยได้ง่าย เพราะว่าเกิดจากการที่ผิวเราขาดความชุ่มชื้นผิวแห้งจึงมีริ้วรอยได้ง่าย มากกว่าสาวผิวมัน
ดังนั้นถ้าไม่อยากหน้าแก่หรือมีริ้วรอยก่อนวัยก็ต้องบำรุงเยอะๆ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วผิวจะใสเด้งเองค่ะ
1.หน้าหนาวแบบนี้หลายคนคงอาบน้ำอุ่น ก็มันหนาวนิจะให้ทำไง ถ้าไม่อยากผิวแห้งก็ต้องทนอาบน้ำเย็นค่ะ คนผิวแห้งอย่างเราไม่ควรอาบน้ำอุ่น การอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวยิ่งแห้งมากขึ้น
2.ทาครีมบำรุงเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง เพราะอากาศจะดึงความชุ่มชื้นจากผิวของเราไปหมด เกราะป้องกันด้านแรกคือทาครีมบำรุงเข้าไปเยอะๆ
3.สบู่ ต้องเลือกสบู่ที่ไม่มีความเป็นกรดเยอะๆ เช่น สบู่มะขาม ควรใช้สบู่ที่มีสารเคลือบผิว พวกมอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวจะได้ไม่แห้งหลังจากอาบน้ำ
4.ล้างหน้า ควรล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจะดีกว่าน้ำอุ่น อย่าใช้สบู่ล้างหน้าเพราะจะทำให้ผิวแห้งยิ่งกว่าเดิม
5.ดื่มน้ำเยอะๆ เพราะอากาศหนาวเราจะเสียความชุ่มชื้นจากผิวมากเป็นพิเศษ วิธีที่ดีคือใช้วิธีจิบน้ำบ่อยๆ เพราะผิวจะได้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา
6.สาวๆห้องแอร์ ยิ่งต้องบำรุงผิวให้มากขึ้น ต้องทาครีมบำรุงเสมอ
7.ทานผลไม้ที่มีวิตามินซี เพราะวิตามินซีจะทำให้ผิวหน้าเรารู้สึกสดชื่นขึ้น
8.ริมฝีปากแห้งเป็นขุย สาวๆก็ควรมีวาสลีนทาปากพกติดตัวไว้ตลอดก็ดี
9.ควรงดการอบซาวน่า การขัด หรือลอกผิว เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองมากยิ่งขึ้น
10. ทาครีมให้ได้ผลที่สุดก็คือ ช่วง 3 นาทีแรกหลังจากอาบน้ำเพราะผิวเรายังหมาดๆ พอทาแล้วเราจะรู้สึกได้ในทันทีว่าผิวอ่อนนุ่มและชุ่มชื้น กว่าตอนที่ทาผิวแห้งๆอีก ที่สำคัญไม่เปลืองด้วยค่ะ
เข้าหน้าหนาวแล้ว มารู้จักวิธีรักษาผิวแห้งกัน
เขียนโดย
โสภิดา
on วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
/
Comments: (0)
รักษาดวงตาเมื่อต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
เขียนโดย
โสภิดา
on วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552
/
Comments: (0)
คุณเคยรู้สึกเมื่อล้าดวงตา เนื่องจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ หรือไม่ เชื่อว่าสาวออฟฟิศส่วนใหญ่ต้องเคยสัมผัสกับอาการเหล่านั้นแน่นอน ซึ่งวันนี้เราก็มีเคล็บลับสำหรับผู้ที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์มาฝาก เพื่อรักษาดวงตาคู่สวยของคุณให้ใสอยู่ตลอด
1. หมั่นกระพริบตาให้บ่อยขึ้น
อาการตาแห้งเกิดจากเมื่อเรามีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบตาจะลดลงจาก 20-22ครั้ง ต่อนาที เหลือเพียง 6-8 ครั้ง ต่อนาที ถ้าไม่อยากตาแห้ง ก็ต้องกระพริบตาบ่อยขึ้น
2. จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
ปรับความสูงของจอให้เหมาะสม โดยระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเรา ควรอยู่ระหว่าง 20-28 นิ้ว หรือประมาณ 1 ช่วงแขน จุดศูนย์กลางของคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4-9 นิ้ว ไม่ควรอยู่สูงหรือต่ำกว่านี้มากนัก และควรจะตั้งตรงหน้า ตำแหน่งการวางคอมพิวเตอร์ควรจะให้หน้าต่างอยู่ด้านข้างของโต๊ะ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงตกสะท้อนหน้าจอ
3. ปรับตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้น
4. เลือกแว่นที่ใช้กับคอมพิวเตอร์
ควรใช้เลนส์สีชมพูอ่อน จะช่วยให้สบายตาขึ้นภายใต้แสงจากหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนต์ สำหรับคนที่ใส่แว่นควรปรึกษาจักษุแพทย์
5. หยุดพัก ทุกๆชั่วโมง
ควรลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายสัก 10 นาที เพื่อพักสายตา และป้องกันไม่ให้เกิดความเมื่อยล้า
6. เปลี่ยนจอใหม่
เลือกใช้จอชนิด LCD (จอแบน) แม้ราคาจะแพงกว่าจอธรรมดา (CRT) แต่ช่วยถนอมตาได้มาก
1. หมั่นกระพริบตาให้บ่อยขึ้น
อาการตาแห้งเกิดจากเมื่อเรามีสมาธิขณะทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบตาจะลดลงจาก 20-22ครั้ง ต่อนาที เหลือเพียง 6-8 ครั้ง ต่อนาที ถ้าไม่อยากตาแห้ง ก็ต้องกระพริบตาบ่อยขึ้น
2. จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
ปรับความสูงของจอให้เหมาะสม โดยระยะห่างระหว่างจอภาพกับตัวเรา ควรอยู่ระหว่าง 20-28 นิ้ว หรือประมาณ 1 ช่วงแขน จุดศูนย์กลางของคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 4-9 นิ้ว ไม่ควรอยู่สูงหรือต่ำกว่านี้มากนัก และควรจะตั้งตรงหน้า ตำแหน่งการวางคอมพิวเตอร์ควรจะให้หน้าต่างอยู่ด้านข้างของโต๊ะ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงตกสะท้อนหน้าจอ
3. ปรับตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้น
4. เลือกแว่นที่ใช้กับคอมพิวเตอร์
ควรใช้เลนส์สีชมพูอ่อน จะช่วยให้สบายตาขึ้นภายใต้แสงจากหลอดไฟฟ้าฟลูออเรสเซนต์ สำหรับคนที่ใส่แว่นควรปรึกษาจักษุแพทย์
5. หยุดพัก ทุกๆชั่วโมง
ควรลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายสัก 10 นาที เพื่อพักสายตา และป้องกันไม่ให้เกิดความเมื่อยล้า
6. เปลี่ยนจอใหม่
เลือกใช้จอชนิด LCD (จอแบน) แม้ราคาจะแพงกว่าจอธรรมดา (CRT) แต่ช่วยถนอมตาได้มาก
รอยคล้ำตาใต้ ปัญหาหนักใจสาวๆยุคใหม่
เขียนโดย
โสภิดา
on วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552
/
Comments: (0)
ปัญหารอบดวงตามีรอยคล้ำ เกิดจากการมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น การพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงกรรมพันธ์ุ ฯลฯ ฉะนั้นหากรอบดวงตามีรอยคล้ำ สาวๆ ไม่ควรนิ่งนอนใจควรจะหาทางลดปัญหาเหล่านั้น เพราะเมื่อรอบดวง ตามีรอยคล้ำ ก็จะทําให้เวลาแต่งหน้าหรือแต่งเติมสีสันบนเปลือกตาทําได้ยาก เมื่อทาอายแชโดว์แล้วจะไม่ได้สีตามที่ใจปรารถนาเสมือนการระบายสีบนกระดาษสี หม่นย่อมไม่ได้สีสวย นอกจากนั้นรอยคล้ำยังทําให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าหมองคล้ำไม่สดใส และดูแก่กว่าวัยอีกด้วย
แม้ปัญหาความหมองคล้ำเหล่านี้ จะสามารถกลบเกลื่อนได้ด้วยการแต่งหน้าอย่างมืออาชีพ แต่เพื่อความกระจ่างใสอย่างยั่งยืนแล้ว การแก้ไขจากต้นเหตุน่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง อาทิ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียดและการใช้งานของกล้ามเนื้อดวงตาให้น้อยลง ประกอบกับการใช้ผลิตภัณฑ์บํารุงที่ทรงประสิทธิภาพด้วยส่วนผสมของวิตามินซี ที่ช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำและปรับสีผิวรอบดวงตา ควบคู่กับการนวดลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา ก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้รอยหมองคล้ำรอบดวงตาหายไป และผิวหน้าก็จะดูเปล่งปลั่งขึ้นด้วยเช่นกัน
ข้อแนะนําเพื่อดวง ตากระจ่างใส
- หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือขยี้ตา เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ตลอดจนอาจเกิดการอักเสบอันเนื่องมาจากเชื้อโรคที่ติดอยู่บนมือทั้งสองข้าง ถ้ารู้สึกคันหรือระคายเคืองตา ให้ใช้น้ำยาล้างตาหรือใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดซับเบาๆ พอให้หายคัน
- เมื่อดวงตาเกิดความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ลองหาแตงกวาฝาน หรือถุงชาที่ใช้แล้วแบบแช่เย็น วางไว้บนเปลือกตาสองข้าง นอนพักสักครู่ จะช่วยให้อาการอ่อนล้าดีขึ้น
- การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร จะช่วยป้องกันรอยคล้ำใต้ตาได้
แม้ปัญหาความหมองคล้ำเหล่านี้ จะสามารถกลบเกลื่อนได้ด้วยการแต่งหน้าอย่างมืออาชีพ แต่เพื่อความกระจ่างใสอย่างยั่งยืนแล้ว การแก้ไขจากต้นเหตุน่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง อาทิ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียดและการใช้งานของกล้ามเนื้อดวงตาให้น้อยลง ประกอบกับการใช้ผลิตภัณฑ์บํารุงที่ทรงประสิทธิภาพด้วยส่วนผสมของวิตามินซี ที่ช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำและปรับสีผิวรอบดวงตา ควบคู่กับการนวดลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา ก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้รอยหมองคล้ำรอบดวงตาหายไป และผิวหน้าก็จะดูเปล่งปลั่งขึ้นด้วยเช่นกัน
ข้อแนะนําเพื่อดวง ตากระจ่างใส
- หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือขยี้ตา เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ตลอดจนอาจเกิดการอักเสบอันเนื่องมาจากเชื้อโรคที่ติดอยู่บนมือทั้งสองข้าง ถ้ารู้สึกคันหรือระคายเคืองตา ให้ใช้น้ำยาล้างตาหรือใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดซับเบาๆ พอให้หายคัน
- เมื่อดวงตาเกิดความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ลองหาแตงกวาฝาน หรือถุงชาที่ใช้แล้วแบบแช่เย็น วางไว้บนเปลือกตาสองข้าง นอนพักสักครู่ จะช่วยให้อาการอ่อนล้าดีขึ้น
- การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร จะช่วยป้องกันรอยคล้ำใต้ตาได้